
คาปาซิเตอร์ในงานแอร์คืออะไร มีกี่ประเภท ทำหน้าที่อะไรบ้าง ?
เคยสงสัยไหม ? เวลาเรียกช่างมาซ่อมแอร์ แล้วช่างชอบพูดถึงชิ้นส่วนหนึ่งที่อยู่ในคอมเพรสเซอร์แอร์ โดยเขามักจะเรียกว่า “แคป” ซึ่งแคปที่เรากำลังกล่าวถึง เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องปรับอากาศ ชื่อเต็ม ๆ ของมันคือ “คาปาซิเตอร์” หากชิ้นส่วนนี้มีปัญหาเมื่อไหร่ ก็มักจะพบกับปัญหาแอร์ไม่เย็น บทความนี้เรามาทำความรู้จักกับคาปาซิเตอร์ให้มากขึ้นกันดีกว่า มาดูกันเลยว่าชิ้นส่วนนี้มีกี่ประเภท แต่ละประเภทบทบาทหน้าที่อะไร สำคัญอย่างไรต่อเครื่องปรับอากาศ
คาปาซิเตอร์คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ?
คาปาซิเตอร์ หรือ “ตัวเก็บประจุ” เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ เก็บประจุ และ คายประจุ คล้าย ๆ กับถังเก็บน้ำที่จะเก็บน้ำเอาไว้ในถังเสียก่อน แล้วจะปล่อยออกมาเมื่อมีความจำเป็น หลักการทำงานคือเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเข้ามาในระบบ ตัวคาปาซิเตอร์จะเก็บประจุส่วนหนึ่งเอาไว้ เหมือนเป็นแบตเตอรี่ขนาดจิ๋ว จากนั้นเมื่อวงจรต้องการกระแสไฟฟ้าเพิ่ม เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าตก คาปาซิเตอร์ก็จะทำการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่กักเก็บเอาไว้ ออกไปเสริมเพื่อให้แรงดันกระแสไฟฟ้ากลับมาคงที่ สรุปง่าย ๆ ก็คือ คาปาซิเตอร์ทำให้ไฟฟ้าในวงจรมีความเสถียรนั่นเอง
ทำไม ? คาปาซิเตอร์ถึงสำคัญมาก ต่อเครื่องปรับอากาศ
ในระบบของเครื่องปรับอากาศ คาปาซิเตอร์เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญมาก โดยหน้าที่หลัก ๆ จะเป็นการ “เพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว” เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน จะต้องการกระแสไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงกว่าปกติในเสี้ยววินาที เพื่อทำให้มอเตอร์พัดลมทำงาน ในจุดนี้คาปาซิเตอร์จะปล่อยกระแสไฟฟ้าที่กักเก็บเอาไว้ ออกมาเสริม
ให้แรงดันไฟของคอมเพรสเซอร์สูงขึ้น และในระหว่างที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน คาปาซิเตอร์ยังช่วย “ปรับสมดุล” กระแสไฟฟ้าในระบบอีกด้วย ช่วยยืดอายุการใช้งานชิ้นส่วนอื่น ๆ ของคอมเพรสเซอร์
ประเภทของคาปาซิเตอร์ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศ
ในเครื่องปรับอากาศจะมีคาปาซิเตอร์อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ Start Capacitor และ Run Capacitor บทบาทหน้าที่ของคาปาซิเตอร์ทั้ง 2 แบบ ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่าในยุคหลัง ๆ ได้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาทดแทนคาปาซิเตอร์แบบเดิมไปแล้ว เป็นคาปาซิเตอร์เพียงตัวเดียวที่สามารถทำ 2 หน้าที่ไปพร้อม ๆ กันได้ แต่ถึงอย่างไรเพื่อความเข้าใจหลักการทำงานของคาปาซิเตอร์อย่างถ่องแท้ เรามาทำความรู้จักกับ 2 ประเภทของคาปาซิเตอร์แบบดั้งเดิมกันดีกว่า
- Start Capacitor
ถ้าเรียกภาษาบ้าน ๆ คือ “แคปสตาร์ท” ทำหน้าที่ในการจ่ายพลังไฟในชั่วพริบตา เนื่องจากในตอนที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน จะใช้แรงดันไฟฟ้าที่สูงมากกว่าปกติ ตัวคาปาซิเตอร์ที่แต่เดิมมีประจุไฟฟ้าเก็บเอาไว้อยู่แล้ว ก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาในชั่วขณะหนึ่ง เพื่อให้มีแรงดันไฟฟ้ามากพอจะทำให้มอเตอร์พัดลมของคอมเพรสเซอร์ทำงาน โดยจะใช้ระยะการปล่อยกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 1 วินาที เพียงเท่านั้น เมื่อมอเตอร์ทำงานตามปกติ คาปาซิเตอร์ก็จะหยุดปล่อยประจุไฟฟ้า
- Run Capacitor
อีกหนึ่งส่วนจะเป็น “แคปรัน” หน้าที่จะแตกต่างจาก สตาร์ทคาปาซิเตอร์ อย่างชัดเจน โดยทำหน้าที่ปรับสมดุลให้แรงดันไฟฟ้า เพื่อให้การทำงานของพัดลมคอมเพรสเซอร์เป็นไปอย่างไหลลื่น ช่วยไม่ให้มอเตอร์ทำงานหนักเกินไป และยังช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นกับมอเตอร์อีกด้วย หากคาปาซิเตอร์ประเภทนี้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จะช่วยยืดอายุของชิ้นส่วนต่าง ๆ ของคอมเพรสเซอร์ ทำให้เครื่องปรับอากาศเสียงเบาลง พร้อมกับช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นอีกด้วย
สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าตอนนี้ คาปาซิเตอร์กำลังมีปัญหา
ตามที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้น ว่าตัวของคาปาซิเตอร์นั้นมีหน้าที่สำคัญต่อเครื่องปรับอากาศเป็นอย่างมาก หากมีการทำงานที่ผิดปกติจากที่ควรจะเป็น ก็จะมีอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน โดยเหล่านี้คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า คาปาซิเตอร์ในคอมเพรสเซอร์แอร์ของคุณกำลังมีปัญหา
- แอร์มีแต่เสียงแต่ไม่เย็น ในขณะที่เปิดแอร์เราจะได้ยินเสียง หึ่ง หรือ ฮึ่ม เหมือนแอร์ทำงาน แต่แอร์ไม่เย็นเลย เมื่อสังเกตจะพบว่า พัดลมหมุนช้า หรือ ไม่หมุนเลย อาการนี้พบบ่อยเมื่อคาปาซิเตอร์เสื่อมสภาพ
- แอร์เย็นไม่สม่ำเสมอ หรือบางครั้งอาจจะเย็น แต่ใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ สาเหตุมักเกิดจากพัดลมของคอมเพรสเซอร์หมุนไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจมีต้นเหตุมาจากรันคาปาซิเตอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
- คอมเพรสเซอร์เสียงดังมาก หากอยู่ ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่า เสียงของคอมเพรสเซอร์แอร์ดังผิดปกติกว่าที่คุ้นเคย เหมือนมีการสั่นสะเทือนหนักมาก นั่นก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่ารันคาปาซิเตอร์มีปัญหา
- พัดลมคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ยอมหมุน เกิดจากสตาร์ทคาปาซิเตอร์ทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่มีแรงดันไฟเพียงพอจะทำให้มอเตอร์ของพัดลมทำงาน
- ค่าไฟแพงผิดปกติ หากใช้งานเครื่องปรับอากาศตามปกติ แต่เมื่อบิลค่าไฟมาแล้วรู้สึกว่าไฟแพงขึ้นแบบผิดหูผิดตา และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจเป็นไปได้สูงมากว่าคาปาซิเตอร์มีปัญหา
บทส่งท้าย
สุดท้ายนี้หากคาปาซิเตอร์ในเครื่องปรับอากาศของคุณมีปัญหา เราแนะนำว่าไม่ควรซื้อมาเปลี่ยนด้วยตนเอง ยกเว้นคุณจะมีความรู้ความเข้าใจจริง ๆ เพราะอันตรายมาก เพราะคาปาซิเตอร์สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ ถึงจะมีการตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้วก็ตาม และเปลี่ยนให้ตรงกับสเป็คที่เหมาะสมอีกด้วย อาทิเช่น ค่าไมโครฟารัดที่ต้องตรงกับค่าเดิม , แรงดันไฟฟ้าที่ต้องเทียบเท่าหรือสูงกว่าของเดิม ไปจนถึงขนาดและชนิดของคาปาซิเตอร์ที่ควรเลือกให้ตรงกับรุ่นที่เลือกใช้ ดังนั้นหากคาปาซิเตอร์มีปัญหา ขอแนะนำให้เรียกใช้บริการช่างที่มีความรู้ความชำนาญจะดีที่สุด